วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

What time do you get up ?

What time do you get up ?

สาระสำคัญ
การฝึกสนทนาเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของตนเอง  เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการฟัง-พูด และถาม-ตอบ เพื่อการสื่อสาร ช่วยให้นักเรียนสามารถจดจำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง  ช่วยให้การสื่อสารในชีวิตประจำวันมีประสิทธิภาพ

ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
นักเรียนสามารถบรรยาย และพูด เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของตนเองได้ โดยสามารถนำความรู้ในเนื้อหาที่สอนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องตามสถานการณ์จริง
มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจกระบวนการฟังและการอ่าน สามารถตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และนำความรู้ใช้อย่างมีวิจารณญาณ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะในการสื่อสารทางภาษา แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคิดเห็นโดยใช้เทคโนโลยีและการจัดการที่เหมาะสมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรฐาน ต 1.3 เข้าใจกระบวนการพูด การเขียน และสื่อสารข้อมูล ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพและมีสุนทรียภาพ
จุดประสงค์การเรียนรู้
จุดประสงค์ปลายทาง
นักเรียนสามารถพูด ฟังและบรรยายกิจวัตรประจำของตนเองกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง และสามารถโต้ – ตอบเกี่ยวกับชีวิตประจำวันได้

จุดประสงค์นำทาง
1.       นักเรียนพูดคำศัพท์และบอกความหมายของคำศพท์เกี่ยวกับกิจกรรมประจำวันได้
2.       นักเรียนใช้ประโยคอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับกิจวัตของตนเองได้
3.       นักเรียนเลือกใช้ประโยคอธิบาย สนทนาถาม-ตอบ เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของตนเองและผู้อื่นได้
สาระการเรียนรู้
การเล่ากิจวัตรประจำวันของตนเองซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นประจำ  การใช้ Present Simple Tense
             คำศัพท์เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน (Daily routine)
(Vocabulary: Daily routine) เช่น  get up , brushes teeth , take a shower ,  get dress , leave at house , walk to school , have lunch , get home , have dinner , do homework , watch TV , go to bed etc.
             การพูดถาม-ตอบเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน
      (Language Functions: Talking about routine) เช่น
-          What time do you get up?
I get up at 6 o’clock.
-          What time do you leave home?
I leave home at 4 o’clock.
-          How do you go to school?
I go to school at 8 o’clock.     Etc.
             โครงสร้างภาษา: ใช้กริยาวิเศษณ์แสงความถี่ในประโยค
      (Adverb of frequency)
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน warm up
ขั้นที่ 1 ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของนักเรียน และนำเสนอคำศัพท์หน้าชั้นเรียน โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนเดาคำศัพท์ว่ากิจวัตรประจำวันภาอังกฤษว่าอย่างไร
                เช่น กิจวัตรประจำวัน คำศัพท์ในภาษาอังกฤษว่าอย่างไร
-          Routines
-          Dialy routines                            -      Schedules
ขั้นนำเสนอ presentation
ขั้นที่ 2 นักเรียนศึกษาใบความรู้การบอกกิจวัตรประจำวันของตนเองใช้ present simple tense เช่น
                I/You get up at……..                         I/You leave home at……
                I/You arrive at school at……..       I/You have lunch at…….   ได้อย่างถูกต้อง
               
ขั้นที่ 3 นักเรียนช่วยกันบอกลักษณะโครงสร้างการใช้ประโยค  present simple tense ตามที่ตนเข้าใจ จากการศึกษาใบความรู้ เช่น
-          What time do you get up?
                                        …………………………………….
-          What time do you leave home?
……………………………………..
-          How do you go to school?
……………………………………...  เป็นต้น
ขั้นที่ 4 นักเรียนสามารถบอกกิจวัตรประจำวันของตนเอง โดยใช้ Adverb of frequency บอกเวลาโดยมีคำว่า In , on , at ระบุเวลานั้น เช่น
                In the morning  in summer          on Sunday           at night at noon
และพูดเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือตลอดเวลา ส่วนมากมักจะใช้
Always  เสมอ       usually  ปกติ        often     บ่อย ๆ
Sometime           บางครั้ง  seldom นาน ๆ ครั้ง             never ไม่เคย       
ขั้นที่ 5 นักเรียนอ่านกิจวัตรประจำวันในตัวอย่างใบความรู้ที่แจกให้ และศึกษาโครงสร้างประโยค
ขั้นที่ 6 ให้นักเรียนสร้างแบบสอบถามโดยใช้โครงสร้างประโยค present simple tense โดยจับคู่สร้างแบบสอบถามควบคู่ใบความรู้ Malee’s routine เช่น
                A: What time do you get up?
                B: ……………………………………..
                A: What time do you leave home?
                B: ……………………………………..          เป็นต้น

ขั้นฝึกปฏิบัติ practice
ขั้นที่ 7 นักเรียนนำโครงสร้างประโยคที่จับคู่สร้างขึ้นมา ถาม-ตอบ ระหว่างเพื่อน และบันทึกคำตอบของเพื่อนลงในแบบสอบถามที่สร้างขึ้น แลกเปลี่ยนกันสอบถาม ฝึกการสนทนาจากโครงสร้างประโยค โดยใช้แบบอย่างจากใบความรู้ Malee’s  Routine
ขั้นที่ 8 นักเรียนสรุปกิจวัตรประจำวันที่สัมภาษณ์เพื่อนและของตนเองลงในสมุดบันทึก
 ขั้นสรุป wrap up
ขั้นที่ 11 ครูทบทวนเนื้อหา Present simple tense ทั้งหมดในบทเรียน
ขั้นที่ 12 นักเรียนจับคู่สนทนาถาม-ตอบ โดยใช้บทสนทนาจากใบความรู้
 สื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้
1.       ใบความรู้
2.       กระดานดำ
3.       ใบงาน
4.       ห้องสมุด / อินเทอร์เน็ต

การวัดผลและการประเมินผล
สิ่งที่มุ่งวัดและประเมินผล
วิธีการวัดและประเมินผล
เครื่องมือการวัดและประเมินผล
เกณฑ์การวัดและประเมินผล
1.     นักเรียนพูดและเขียนโครงสร้างของประโยค Present simple tense
2.     นักเรียนสามารถแต่งประโยค Present simple tense
3.     นักเรียนสามารถใช้แหล่งเรียนรู้ในการค้นคว้าหาความรู้ได้
แบบสังเกตการพูดและเขียน



ตรวจผลงาน

สังเกตการใช้แหล่งความรู้

สังเกตการณ์อภิปราย การพูด และการเขียน



สังเกตความตั้งใจทำงานที่ได้รบมอบหมายและพฤติกรรมร่วมมือการทำงานกลุ่ม
สังเกตขณะที่นักเรียนค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งความรู้
การเขียนถูก ผิด และการใช้โครงสร้างประโยค  ผ่าน   ไม่ผ่าน


สามารถเขียนโครงสร้างประโยค Present simple tense ได้ถูกต้อง

เลือกใช้แหล่งการเรียนรู้เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
 
 
 
Malee’s routine

Malee  is twelve years old. She lives in Suhothai with her family. She get up at  6 o’clock. She brushes her teeth , take a shower and gets dress. he leave the  house at 8 o’clock .She walk to school.
Malee  has lunch at 11.30 o’clock. School finishes at 4 o’clock. Malee  get home from school at 4 half o’clock. Then she goes to the park and meets her friends. She goes home again for dinner at 7 o’clock. She has a dinner with my family. She go to take a shower and brushes her teeth. Malee does her homework and watches TV. She goes to bed at 9 o’clock.

ใบความรู้เรื่อง Tense

Tense คือ รูปของกริยาที่แสดงว่าการกระทำนั้นๆ เกิดขึ้นเมื่อใด เช่น เกิดขึ้นในอดีต (past) ปัจจุบัน (present) หรืออนาคต (future)
Tense แบ่งออกได้ 3 รูปใหญ่ๆ คือ รูปอดีต (Past Tenses) เช่น Past Simple, Past Continuous, Past Perfect, Past Perfect Continuous รูปปัจจุบัน (Present Tenses) เช่น Present Simple, Present Continuous, Present Perfect, Present Perfect Continuous และรูปอนาคต (Future Tenses) ได้แก่ Future Simple, Future Continuous, Future Perfect, Future Perfect Continuous
Tenses ทั้ง 12 ชนิดที่เอ่ยมามีโครงสร้างและกฎเกณฑ์การใช้ต่างๆ ซึ่งจะได้อธิบายรายละเอียดดังต่อไปนี้
Past Simple Tense
โครงสร้าง : Subject + V.2 + Complement / Object
การใช้
1.ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้วในอดีต
ตัวอย่าง
The train reached the station at two yesterday.
He came to see us half an hour ago
2.ใช้แสดงอุปนิสัยบางอย่างในอดีต (past habit) โดยปกติมักจะมีคำวิเศษณ์เหล่านี้ปรากฏอยู่ในประโยคด้วย เช่น always (เสมอๆ) never (ไม่เคย) frequently (บ่อยๆ) ฯลฯ
ตัวอย่าง
They always kept a light on in the hall.
She never cooked food when she was 12.
3.ใช้กับการกระทำในอดีตที่เกิดขึ้นเป็นชุด (a series of past actions) ซึ่งแสดงลำดับเหตุการณ์ไว้อย่างชัดเจน
ตัวอย่าง
I entered the room. Switched on the television, sat on the sofa and lit a pipe.

Past Continuous Tense
โครงสร้าง : Subject + was / were + V. ing + Complement / Object
การใช้
1.ใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นหรือกำลังดำเนินอยู่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต
ตัวอย่าง
It was raining heavily that afternoon.
They were eating dinner at half past seven.
2.ใช้เพื่อแสดงถึงการกระทำที่บุคคล 2 ฝ่าย กำลังกระทำกิจกรรมเหล่านั้นพร้อมๆ กันในอดีต นั่นคือการกระทำทั้ง 2 อย่างนั้น อยู่ในรูป Past continuous ด้วยกันทั้งคู่
ตัวอย่าง
While he was working, we were sleeping.
While they were playing football, I was writing a letter.
3.ใช้แสดงการกระทำอย่างหนึ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต และมีการกระทำอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในขณะนั้นด้วย การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ก่อน ใช้ Past Continuous
ตัวอย่าง
While he was cycling to school, he saw an accident.
I was writing a letter when he entered the room.
4.ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำบ่อยๆ ในอดีต
ตัวอย่าง
Tome was always playing tricks on his uncle.

Past Perfect Tense
โครงสร้าง : Subject + had + V. 3 + Complement / Object
การใช้
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งของเวลาในอดีต เพื่อแสดงความสมบูรณ์ในขณะนั้น
ตัวอย่าง
By the time the sun was down, we had already reached the village.
By two o’clock, we had completed our work.
2.เมื่อมีเหตุการณ์ 2 อย่างเกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนใช้ Past Perfect Tense ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังใช้ Past Simple Tense
ตัวอย่าง
After she had washed the dishes, she listened to the radio.
When he had written the letter, he read it again.

Past Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง : Subject + had been + V. ing + Complement / Object
การใช้
1.ใช้แสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นมาในอดีตอย่างต่อเนื่อง (continuous / Object action) หรือเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก (repeatedly past action)
ตัวอย่าง
We had been studying for months.
John had not been sleeping well.
Tom was always playing tricks on his uncle.
Present Simple Tense
โครงสร้าง : Subject + V. 1+ Complement / Object
การใช้
1.ใช้แสดงความจริงตามธรรมชาติ หรือข้อความจริงโดยทั่วไป
ตัวอย่าง
The sun rises in the east.
Light moves faster than sound.
2.ใช้แสดงการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัยถาวร หรือทำซ้ำบ่อยๆ
ตัวอย่าง
I drink a glass of coffee every day.
He often comes late to school.
3.ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมากมักจะเกี่ยวกับการเดินทาง (journey or trip)
ตัวอย่าง
He leaves for Australia next week.
4.ใช้ในประโยคคำสั่ง (Command) หรือประโยคขอร้อง (Request)
ตัวอย่าง
Please open the window.
Present Continuous Tense
โครงสร้าง : Subject + is / am / are + V. ing + Complement / Object
การใช้
1.ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่กำลังพูดอยู่
ตัวอย่าง
It’s raining now.
The sun is shining so it is a lovely day for a picnic.
2.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในปัจจุบัน
ตัวอย่าง
She is reading a book and (is) singing a song
3.ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และผู้พูดรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำซากจนน่าเบื่อหน่าย
ตัวอย่าง
You are always spilling things.
Her mother is always complaining about trivial things.
4.ใช้แสดงเหตุการณ์อย่างหนึ่งที่กำลังดำเนินอยู่ ในขณะที่มีผู้กระทำการอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาโดยไม่คาดฝันมาก่อน
ตัวอย่าง
She enters the room while I am reading a book.
As I am playing chess, my sister comes in.
5. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ตัวอย่าง
Thomas is coming here next week.
Are you doing anything this evening?
Present Perfect Tense
โครงสร้าง : Subject + have / has + V. 3 + Complement / Object
การใช้
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ยังมีผลแห่งเหตุการณ์นั้นปรากฏให้เห็นในขณะที่พูดปัจจุบัน
ตัวอย่าง
I have turned on the light.
The train has arrived.
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบสิ้นไปหรือเกือบจะจบสิ้นแล้ว โดยปกติจะมีคำวิเศษณ์ ได้แก่ just , already , yet
ตัวอย่าง
He has just gone out.
He has already done his homework.
3.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยปกติมักจะมีคำว่า since (ตั้งแต่) หรือ for (เป็นเวลา) ปรากฏอยู่

ตัวอย่าง
They have lived here since 1980.
He has worked here for five years.
Present Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง : Subject + have / has been + V. ing + Complement / Object
การใช้
1.ใช้กับการกระทำที่ได้เริ่มต้นทำมาตั้งแต่อดีต และดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาจนกระทั่งถึงขณะที่พูดปัจจุบัน
ตัวอย่าง
I have been studying French.
Peter has been living in France since 1960.
2.ใช้กับการกระทำที่จะดำเนินต่อเนื่องไปอีกในอนาคต โดยปกติมักจะปรากฏคำว่า since หรือ for อยู่ด้วย
ตัวอย่าง
She has been doing her mother’s work since she was admitted into hospital.
Future Simple Tense
โครงสร้าง : Subject + will / shall / be going to + V. 1 + Complement / Object
การใช้
1.เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ตัวอย่าง
I shall return in half an hour.
She will go abroad next week.
2.ใช้รูป be going to + Verb 1 ใน Future Simple Tense ในกรณีที่แสดงถึงความตั้งใจของผู้พูด (the speaker’s intention) หรือความแน่ใจของผู้พูด



ตัวอย่าง
He is going to write a letter to his father tomorrow.
Help! I am going to drown
3.ใช้ในประโยคคำถามที่เป็นการขอร้อง (request) ขออนุญาตหรือขอคำยืนยัน
ตัวอย่าง
Will you go with me?
Shall I go to Bangsanen?
Future Continuous Tense
โครงสร้าง : Subject + will / shall be + V. ing + Complement / Object
การใช้
1.ใช้แสดงถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นโดยมิได้มีการวางแผนมาก่อน
ตัวอย่าง
He will be working on Tuesday. He is off on Monday.
All the teachers will be holding a meeting tonight.
2.เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอนโดยปกติมักจะมีคำแสดงเวลาประกอบอยู่ด้วย
ตัวอย่าง
At four o’clock tomorrow, we shall be happily swimming at the sea.
John will be returning from America next Saturday.
Future Perfect Tense
โครงสร้าง : Subject + will / shall have + V. 3 + Complement / Object
การใช้
1.เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในอนาคตตามช่วงเวลาที่ได้กำหนดไว้อย่างแน่นอน ปกติมักจะมีสำนวนที่เกี่ยวกับเวลาระบุไว้

ตัวอย่าง
The show will have started by the time we get here.
By two o’clock all the goods will have been sold out.
2.เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสิ้นลง คงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงจุดสุดสิ้นในอนาคต
ตัวอย่าง
By next month. I shall have finished at Mahidol University.
By the end of the year they will have completed their studies at the college.
Future Perfect Continuous Tense
โครงสร้าง : Subject + will / shall have been + V. ing + Complement / Object
การใช้
1. ใช้แสดงระยะเวลาของการเกิดเหตุการณ์หนึ่งที่จะดำเนินต่อเนื่องไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งในอนาคต
ตัวอย่าง
By June next year, I shall have been teaching for 10 years

แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน
Instruction choose the correct answer

1.       Tense คือรูปแบบของคำ....
a.       นาม                        c. กริยา
b.      สรรพนาม               d. บุพบท
2.       เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนักเรียนต้องใช้...................                tense
a. future      b. present
c. past           d. Tense ใด ๆ ก็ได้
3.   ข้อใดเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3
      a. he                                b. they
      c. you                              d. we
 4. You (play)…………tennis every day after school.
      a. play                             b. plays
      c. played                        d. playes
5.  We (study)……….English from Monday or Friday.
    a. study            b. studies
   c. studied         d. to study
6. กริยาตัวใดเป็น Infinitive
a. to does            to  do
    to did                to done
b. to ate               to eat
    to eaten           to eats
c.  to go                                to have
     to be                                to do
               d.to am                 to is
                    to be                 to are
7.  ประโยคบอกเล่า I want to go home.
ประโยคคำถาม……………you want to go home ?
     a. Do                                 b. Does
     c. Is                                   d. Are
8. ประโยคบอกเล่า You give her a present.
    ประโยคปฏิเสธ You…………..not give her a present.
     a. don’t           b. doesn’t
     c. are                d. is
9.  Which sentence is correct ?
    a. John never speaks french at home.
    b. Malinee study English and French very hard.
    c. He doesn’t has English on Monday and Wednesday.
    d. Does your parents always buy many thing from the market ?
10.  ………..Pranee…………a cat at home ?
    a. Do – have                   b. Does – have
    c. Do – has                      d. Does – has
                11.    They  usually ……………………to school at half past seven.
                    a. come            b. came
                  c. comes            d. are coming
                12. Mount Everest…………………the highest mountain in the world.
                     a. climbs          b. has
                   c. is                      d. are